6 jars คืออะไรและใช้งานอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ?
Key Takeaways:
- "6 jars" เป็นวิธีจัดการเงินที่แบ่งเป็น 6 ส่วน: จำเป็น (55%), รางวัลตัวเอง (10%), เสรีภาพทางการเงิน (10%), การพัฒนาตัวเอง (10%), เงินเก็บระยะยาว (10%), และให้คืน (5%).
- มาจากฮาร์ฟ เเคอร์ การจัดการนี้มุ่งเน้นให้เงินถูกใช้แบบมีเหตุผล.
- ใช้ส่วนจำเป็น 55% ครอบคลุมค่าใช้จ่ายประจำ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ.
- ให้รางวัลตัวเอง 10% และลงทุนเพื่ออนาคต 10%.
- การพัฒนาตนเองใช้ 10% ซื้อคอร์สหรือหนังสือ.
- เงินเก็บ 10% เตรียมพร้อมค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด.
- แบ่ง 5% ให้กับสังคมและผู้ยากไร้.
- มีแอปและ Excel ช่วยจัดการระบบ 6 jars ได้ง่ายขึ้น.
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมหลายคนจึงสามารถจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคง? คำตอบหนึ่งอาจจะอยู่ที่ระบบ "6 jars" ซึ่งเป็นหนึ่งในทฤษฎีการจัดการเงินที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่มันคืออะไรและจะนำมาใช้ให้เกิดผลดีได้อย่างไร? บทความนี้จะนำคุณสัมผัสทุกมุมของ 6 jars ตั้งแต่ประวัติ แนวคิด ไปจนถึงวิธีปรับใช้ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคุณ!
เราจะเข้าใจระบบ 6 Jars ได้อย่างไร?
"6 jars" คือวิธีจัดการเงินที่แบ่งเงินออกเป็น 6 ส่วนชัดเจน มันช่วยให้ผมรู้ว่าเงินของผมจะไปไหน ระบบนี้มีที่มาจากผู้คิดค้นชื่อ ฮาร์ฟ เเคอร์ นักการเงินที่บอกว่าการใช้เงินด้วยวิธีนี้ทำให้คนคิดว่าเงินที่มีมีค่าน้อยกว่าความสุขใจที่ได้จากการใช้
หลักๆ มีส่วนดังนี้ คือ ใช้ตามจำเป็น ผมใช้ 55% ของรายได้ไปกับค่ากิน เดินทาง น้ำ ไฟ ส่วนที่สองคือให้รางวัลตัวเอง 10% พูดง่ายๆ คือเอาไว้กินของอร่อย ดูหนัง หรือซื้อเสื้อผ้าใหม่ แต่ห้ามใช้เกินนะครับ
ส่วนที่สาม "อิสรภาพการเงิน" 10% เอาไว้ลงทุนในหุ้น กองทุน รวมถึงประกันต่างๆ ผมใช้เงินนี้เพื่อให้มันงอกเงยไปอีก ส่วนที่สี่คือ "การศึกษาพัฒนาตัวเอง" ใช้ 10% ซื้อหนังสือ คอร์สเรียน เผื่อพัฒนาตัวเองเพิ่ม
ส่วนที่ห้า "เงินเก็บสำรองจ่ายระยะยาว" อีก 10% ไว้เผื่อใช้ตอนฉุกเฉิน เช่นค่าซ่อมบ้าน หรือดาวน์บ้านใหม่ สุดท้าย "ได้แล้วต้องให้คืน" 5% แบ่งเพื่อการบริจาค สนับสนุนผู้อื่น และนั่นให้ผมรู้ว่ายังมีสังคมอยู่รอบตัว
ทฤษฎี 6 jars นี้ทำให้ผมรู้สึกมีระบบการใช้เงิน ซึ่งตามคำแนะนำเห็นว่ามีประสบความสำเร็จด้วย
ทำไมต้องใช้ระบบ 6 Jars ในการจัดการการเงิน?
ระบบ 6 jars ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการเงินได้ดียิ่งขึ้น ถึงจะดูยากในตอนแรก แต่มีเป้าหมายที่ชัดเจน เมื่อเราแบ่งเงินเป็น 6 ส่วน, การจับจ่ายใช้สอยของเราก็จะมีเหตุผลและไม่เกินตัว
ประโยชน์ของการใช้ 6 Jars
ประโยชน์ของ 6 jars เริ่มจากการ ออมเงิน และจัดสรรไว้ใช้ตามจำเป็น เงิน 55% นี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ
ถัดไปคือการให้รางวัลตัวเองด้วย 10% ส่วนนี้ตอบสนองด้านความสุข เช่น ดูหนัง, ไปช้อปปิ้ง การมีขอบเขตเงินตรงนี้ทำให้เราควบคุมได้ ไม่หลุดมือ
อิสรภาพทางการเงินก็ได้รับการสนับสนุนด้วย เป็นวิธีที่ช่วยคุณในอนาคต เงิน 10% นี้ใช้ลงทุนซื้อหุ้น, กองทุน, หรือประกัน เมื่อเวลาผ่านไป, คุณจะมีรายได้เพิ่ม
การจัดสรรเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
หมวดการศึกษาพัฒนาตัวเองเป็นอีกหัวใจสำคัญ การลงทุนในตัวเองไม่เคยสูญเปล่า การจัดเงิน 10% ไว้เพื่อเรียนรู้, อ่านหนังสือ คอร์สฝึกอบรม ต่างๆ, จะเป็นการเพิ่มคุณค่าให้ตนเอง
เงินเก็บสำรองระยะยาวนั้นสำคัญไม่แพ้กัน ถึงแม้ไม่ใช่รายจ่ายประจำ แต่เป็นการเตรียมพร้อมค่าใช้จ่ายที่เกิดในอนาคต เช่น, ซ่อมบ้าน ดาวน์รถ
สุดท้ายคือการให้คืน ซึ่งใช้ 5% เพื่อบริจาคสนับสนุนชุมชน การให้กลับเป็นการสร้างสังคมที่ดีและทำให้เรารู้สึกดี
การใช้ระบบ 6 jars ช่วยจัดให้เรามองเห็นภาพรวมการเงินของตัวเองครบ นอกจากจะช่วยจัดการการเงินให้เป็นระบบแล้ว ยังเสริมสร้างวินัยและความมั่นคงในชีวิต
การแบ่งสัดส่วนเงินตามระบบ 6 Jars มีอะไรบ้าง?
การจัดการเงินที่จำเป็น (Jar 1: Necessities)
ระบบ 6 jars ใส่เงิน 55% ในส่วนจำเป็น ใช้สำหรับการกิน เดินทาง ค่าน้ำค่าไฟ ฉันพบว่าการจัดสรรนี้ช่วยให้เราใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบ เพราะสิ่งจำเป็นต้องมาก่อน คุณจะไม่หมดเงินไปกับสิ่งไม่สำคัญ
การลงทุนเพื่อเสถียรภาพทางการเงิน (Jar 2: Financial Freedom)
อีก 10% ใช้เพื่อความเสรีทางการเงินใน jar 2 เช่น การซื้อหุ้น หรือกองทุน ฉันใช้ส่วนนี้เพื่อให้เงินงอกเงย วิธีนี้เพิ่มโอกาสสร้างรายได้ในอนาคต
การศึกษาพัฒนาตนเอง (Jar 3: Education)
เงิน 10% ใน jar 3 นี้เพื่อการเรียนรู้ ฉันซื้อหนังสือ ลงคอร์สศึกษา การพัฒนาตัวเองสำคัญมาก มันเตรียมเราให้พร้อมรับมืออนาคต
ให้รางวัลชีวิตกับตัวเอง (Jar 4: Play)
เงิน 10% ใช้เพื่อสนุกกับชีวิตใน jar 4 เช่น ไปกินอาหารหรู ช้อปปิ้ง ฉันชอบวางแผนก่อนใช้เงินส่วนนี้ ทำให้ชีวิตมีสีสันโดยไม่เกินงบ
เงินเก็บสำรองในระยะยาว (Jar 5: Long-Term Savings)
10% ที่เหลือใน jar 5 สำหรับเงินเก็บระยะยาว ใช้เพื่อลงทุนในทรัพย์ยืนยาว ฉันเห็นว่าเป็นการเตรียมตัวให้พร้อม เพราะอนาคตมักไม่แน่นอน
การให้และการแบ่งปัน (Jar 6: Giving)
สุดท้าย 5% สำหรับการแบ่งปันใน jar 6 บริจาคหรือช่วยเหลือผู้ที่ต้องการ ฉันรู้สึกดีเมื่อได้ช่วยผู้อื่น การให้ทำให้ใจเราสดชื่น
การปรับใช้ระบบ 6 Jars ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
การปรับใช้ 6 jars เหมาะกับทุกคนจริงๆ แบ่งเงินออกเป็น 6 ส่วนเพื่อใช้ชีวิตแบบทั้งสนุกและปลอดภัย วิธีนี้ทำให้รู้จัก สูตรการออมเงิน และใช้เงินอย่างฉลาดกว่าเดิม
ใช้ตามจำเป็น 55% ส่วนนี้สำหรับค่าใช้จ่ายประจำทุกวัน เช่น อาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเดินทาง คิดว่าค่าใช้จ่ายอยู่ในกรอบนี้ยังไงดี
ให้รางวัลตัวเอง 10% จัดการเงินส่วนนี้ให้คุมความสุข เช่น อาหารหรู ดูหนัง หรือช้อปปิ้ง คิดเป็นร้อยละแค่สิบนี้พร้อมหรือยัง
อิสรภาพการเงิน 10% เอาไว้ลงทุน อย่างหุ้น หรือกองทุนรวม ทำให้เงินเราเติบโต การมีส่วนนี้ที่ชัดช่วยต่อยอดไหม
การศึกษาพัฒนาตัวเอง 10% ซื้อหนังสือ หรือเรียนคอร์สใหม่ๆ เพื่อพัฒนาตัวเราให้เก่งกว่าเดิม การแบ่งเงินมาสร้างความรู้ให้เรารู้สึกยังไง
เงินเก็บสำรองจ่ายระยะยาว 10% เก็บใช้อะไรที่อาจต้องใช้คราวหน้า เช่นซ่อมบ้านหรือดาวน์รถ การมีสำรองแบบนี้ช่วยเราสบายใจมากขึ้นไหม
ได้แล้วต้องให้คืน 5% คิดว่าให้ช่วยคนอื่นด้วยการบริจาค มันมีค่ามาก นอกจากเงินตอบแทนทางใจแล้วคิดว่ายังไง
วิธีนี้เป็น วิธีออมเงิน สำหรับ มนุษย์เงินเดือน ที่ดี คุณสามารถปรับ % ในแต่ละโถให้เข้ากับตัวเองได้
มีเครื่องมืออะไรบ้างที่จะช่วยให้การใช้งานระบบ 6 Jars ง่ายขึ้น?
6 jars ช่วยให้การจัดการการเงินง่ายขึ้น โดยแบ่งเงินเป็น 6 ส่วนคือ ใช้ตามความจำเป็น, ให้รางวัลตัวเอง, อิสรภาพการเงิน, การศึกษาพัฒนาตัวเอง, เงินเก็บสำรองจ่ายระยะยาว, และมอบให้ส่วนรวม การจัดการเงินแบบนี้อาจต้องใช้เครื่องมือช่วยเพื่อความสะดวกและประสิทธิภาพ
แอปพลิเคชั่นที่ช่วยในการจัดการ 6 jars
มีแอปพลิเคชันที่ช่วยในการจัดการ 6 jars ให้ใช้งานง่ายขึ้นครับ แอปต่างๆ ออกแบบมาให้เราติดตามและจัดระเบียบเงินทุกบาท
การทำงานของ excel ในการจัดสรรเงิน
นอกจากแอปแล้วยังมี Excel ที่สามารถช่วยได้ดีอีกด้วย โปรแกรมนี้ช่วยให้เราทำตารางและกราฟที่แสดงการจัดสรรเงินตาม 6 jars ได้ชัดเจน
ความสำเร็จจากการใช้ระบบ 6 Jars
"6 jars" คือระบบจัดสรรเงินที่เปลี่ยนชีวิตหลายคน ระบบนี้ไม่ซับซ้อน ผมเห็นคนใช้แล้วดีจริง เรามาเจาะลึกกัน ระบบนี้จะต้องแบ่งเงินเป็น 6 ส่วน เพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันและอนาคต การปรับใช้ระบบนี้ช่วยให้เก็บเงิน 1000 ใน 1 เดือนได้ ระบบนี้เปลี่ยนชีวิตหลายคนและช่วยให้จัดการการเงินได้อย่างมั่นคง
ส่วนแรกคือใช้ตามจำเป็น 55% ของรายได้ เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าไฟที่ต้องจ่ายทุกเดือน ผมเห็นว่าเมื่อแยกเงินแบบนี้ จะรู้ความสำคัญของค่าใช้จ่ายจำเป็น
ส่วนที่สองคือให้รางวัลตัวเอง คิดเป็น 10% ไว้กินอาหารดีๆ หรือซื้อของที่ชอบ แต่ควรระวัง อย่าใช้เกิน 10% เพราะระบบนี้ต้องการให้คุณคุมการใช้เงิน
เงิน 10% ต่อมาเป็นของอิสรภาพการเงิน ลงทุนในหุ้น กองทุนรวม หรือประกันสะสมทรัพย์ ผมเลือกลงทุนเพื่อให้เงินเติบโต มีคนที่ผมรู้จักได้กำไรจากเงินส่วนนี้เยอะทีเดียว
ส่วนที่สี่ 10% ใช้สำหรับพัฒนาตัวเอง ซื้อหนังสือ หรือเรียนคอร์สต่างๆ เพราะความรู้ใหม่สำคัญต่อความเจริญก้าวหน้า
ต่อไปอีก 10% เป็นเงินเก็บสำรองระยะยาว เผื่อไว้ใช้ในอนาคต เช่น ค่าซ่อมบ้านหรือดาวน์รถ ผมถือว่านี่เป็นเหมือนเบาะรองในเวลาฉุกเฉิน
สุดท้าย 5% แบ่งให้การบริจาคหรือสนับสนุนผู้อื่น การให้คืนสำคัญไม่แพ้การเก็บ ผมเชื่อว่าการให้ช่วยเสริมสร้างสังคมที่ดี
"6 jars" ไม่ใช่แค่เรื่องแบ่งเงิน แต่เป็นวิธีชีวิตที่นำคนหลายคนประสบความสำเร็จ การจัดสรรเงินที่ดีนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงินและชีวิตที่ดีขึ้น
สรุป6 jars
ระบบ 6 Jars แปลงการเงินให้เรียบง่ายและชัดเจน ด้วยประวัติและแนวคิดที่ลึกซึ้ง คุณรู้แล้วว่าแนวคิดนี้มาจากไหนและใช้ประโยชน์อย่างไร การปรับตัวอิงตามไลฟ์สไตล์ทำได้ง่าย ผ่านการแจกจ่ายงบประมาณในแต่ละโถ มันเหมาะกับทุกคนตั้งแต่มือใหม่จนถึงเซียนการเงิน ด้วยเครื่องมือช่วย เช่น แอพและ Excel การใช้งานสะดวกและได้ผลดี เรื่องราวความสำเร็จย้ำให้เห็นถึงประสิทธิภาพของทฤษฎี 6 jars ที่สามารถสร้างเสถียรภาพและความมั่งคั่งได้จริงๆ ลองใช้ดูแล้วคุณจะเห็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง!